การใช้ยาที่ถูกวิธีมีอะไรบ้าง
การรับประทานยา
ยารับประทาน เป็นรูปแบบยาที่ใช้รักษาโรคอย่างกว้างขวางที่สุด เนื่องจากวิธีใช้ยาที่ง่าย สะดวกอย่างมาก โดยทั่วไปการรับประทานยาขณะที่ท้อง (กระเพาะลำไส้) ว่างจะทำให้ยาถูกดูดซึมได้มากที่สุด แต่ยาบางชนิดอาจถูกกำหนดให้รับประทานในเวลาแตกต่างออกไป ด้วยเหตุผล ที่จำเป็นอื่นๆ เช่น ยาในกลุ่มเตตร้าซัยคลิน มักต้องรับประทานพร้อมหรือหลังอาหารทันทีเพื่อลดอาการคลื่นไส้ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่พบบ่อย
วิธีการรับประทานยามีหลายรูปแบบ ได้แก่
1. ยาก่อนอาหารให้รับประทานก่อนอาหาร (รวมทั้งนม ขนม ฯลฯ) 30 – 60 นาที
2. ยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที ให้รับประทานอาหารครึ่งหนึ่งแล้วรับประทานยา แล้วจึงรับประทานอาหารต่อจนอิ่ม หรือรับประทานอาหารคำสุดท้ายแล้วรับประทานยาทันที
3. ยาหลังอาหารให้รับประทานหลังอาหาร 15 – 30 นาที
4. ยาระหว่างมื้ออาหารให้รับประทานยาก่อนหรือหลังอาหาร 1 – 2 ชั่วโมง โดยถ้าเลือกรับประทานยาเป็นก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) แล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องรับประทานก่อนอาหาร (หรือหลังอาหาร) ทุกครั้งของการรักษาคราวนั้นๆ
5. ยาก่อนนอนรับประทานก่อนเข้านอน 15 – 30 นาที
6. ยาตามอาการต่าง ๆเช่น รับประทาน 2 เม็ด ทุก 4 – 6 ชั่วโมง เวลาปวด หมายความว่า รับประทานครั้งละ 2 เม็ดเมื่อมีอาการปวด ถ้าต่อมามีอาการปวดอีกแต่ยังไม่ถึง 4 – 6 ชั่งโมง ยังไม่ควรรับประทานยานั้นซ้ำอีก เพราะ อาจเกิดพิษจากยาเกินขนาดได้ ต้องรอให้ครบอย่างน้อย 4 ชั่วโมง จึงจะรับประทานยาครั้งต่อไปได้
หมายเหตุ : การลืมรับประทานยาครั้งหนึ่ง ให้รีบรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าใกล้ถึงเวลามื้อต่อไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไปเสีย อย่าเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า ในมื้อต่อไปเป็นอันขาด
การใช้ยาหยอดตา ยาป้ายตา
วิธีหยอดตา – ป้ายตา
1. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดแห้ง
2. ถ้ามีขี้ตา ใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดออกก่อนทุกครั้ง
3. เตรียมยา โดยเขย่าขวดยาหยอดตาก่อนเปิดฝาขวด หรือเปิดฝาหลอดยาป้ายตา
4. นอนหรือนั่งแหงนหน้าขึ้น มือข้างหนึ่งดึงหนังขอบตาล่างลงให้เป็นกระพุ้ง อีกมือหนึ่งจับหลอดยา โดยกะประมาณให้ปลายหลอดห่างจากตาเล็กน้อย ระวังไม่ให้ปลายหลอดแตะกับหนังตาหรือขนตา เพราะจะทำให้ปนเปื้อนฝุ่นสกปรกหรือเชื้อโรคได้ ซึ่งมีผลทำให้ยาเสื่อมคุณภาพและอาจเพิ่มโรค จากที่เป็นอยู่แล้วอีกด้วย
– หยดยาหยอดตา ลงไปในกระพุ้งขอบตาล่างตามจำนวนที่ระบุไว้ในฉลาก ปล่อยหนังตาคืนสภาพ กระพริบตา 2-3 ครั้ง เพื่อให้ยาเข้าตาได้ทั่วถึง แล้วพักหลับตาสักครู่ หรือ
– บีบยาป้ายตายาวประมาณครึ่งเซนติเมตรลงไปในกระพุ้งขอบตาล่าง หลับตาแล้วคลึงหนังตาเบา ๆ ให้ยากระจายทั่วตา
5. ปิดฝาขวดหรือหลอดให้สนิท เก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ( บางชนิดต้องเก็บในตู้เย็น ในส่วนที่ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง) ควรเก็บให้พ้นแสงและพ้นมือเด็ก
หมายเหตุ :
– ยาหยอดตา เมื่อเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน
– เมื่อต้องหยอดตามากกว่า 1 ชนิด ในคราวเดียวกัน ควรเว้นเวลาหยอดห่างกันประมาณ 15 นาที
– เมื่อต้องหยอดตาและป้ายตาในเวลาเดียวกัน ให้หยอดยาก่อนสักครู่ แล้วจึงป้ายตา
การใช้ยาหยอดหู
วิธีหยอดหู
1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดแห้ง
2. ถ้ามีน้ำเหลืองหรือหนอง ควรเช็ดออกด้วยสำลีพันปลายไม้ทุกครั้งก่อนหยอดยา
3. นอนหรือนั่งตะแคงหูข้างที่เป็นขึ้น หยดยาลงไปตามจำนวนที่ระบุ ระวังอย่าให้ปลายหลอดยา แตะถูกหู เพราะจะทำให้ปนเปื้อนฝุ่นสกปรกหรือเชื้อโรคได้
4. อยู่ในท่านั้นประมาณ 15 นาที แล้วจึงเอนศีรษะกลับคืนปกติ ซับน้ำยาที่ไหลจากหูทิ้ง
5. เมื่อเปิดใช้ยาหยอดหูแล้ว ไม่ควรเก็บส่วนที่เหลือไว้นานเกิน 1 เดือน
การใช้ยาเหน็บช่องคลอด ทวารหนัก
วิธีใช้ยาเหน็บช่องคลอด
1. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดแห้ง หากเป็นไปได้ ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยด้วย
2. แกะยาออกจากแผง จุ่มเม็ดยาในน้ำสะอาดพอให้ชุ่ม เพื่อให้ลื่นสอดใส่ช่องคลอดได้ง่าย
3. ในท่านอน ใช้นิ้วดันสอดยาเข้าในช่องคลอดให้ลึกที่สุด หลังจากนั้นควรนอนนิ่ง ๆ สักพัก อย่ารีบลุกเดิน เสร็จแล้วล้างมือให้สะอาด กรณีถ้ายานั้นให้ใช้ตอนก่อนนอน เหน็บแล้วนอนต่อไปได้เลย
หมายเหตุ :
– ยาเหน็บช่องคลอดบางชนิด ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อซึ่งต้องใช้ติดต่อกันทุกวันตามระยะเวลาที่แพทย์สั่งใช้ แม้ว่าในระยะเวลานั้นมีประจำเดือนก็ต้องใช้ต่อเนื่องไปตามสั่งจนครบจำนวน แต่ก็มียาเหน็บช่องคลอดบางอย่างที่ไม่ควรใช้ระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งควรต้องสอบถามรายละเอียดจากแพทย์ หรือเภสัชกร
– ยาบางชนิด อาจต้องใช้อุปกรณ์ในการสอดยาเข้าช่องคลอด ซึ่งหากกำลังตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะอาจเป็นอันตรายได้ – ขณะที่ภรรยากำลังใช้ยาเหน็บช่องคลอดเพื่อรักษาเชื้อรา แพทย์อาจสั่งยาประเภทครีมหรือยารับประทานให้สามีใช้ไปพร้อมกันด้วย เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำอีกครั้ง
วิธีใช้ยาเหน็บทวารหนัก
1. อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณทวารหนัก (ก้น) ให้สะอาดดี และควรใช้ยาเหน็บหลังถ่ายอุจจาระเรียบร้อยแล้ว
2. ล้างมือให้สะอาดและเช็ดแห้ง
3. แกะยาออกจากกระดาษห่อ จัดท่านอน ใช้นิ้วจับยาสอดเข้าในทวารหนักโดยเอาปลายมนเข้าให้ลึก หลังจากนั้นควรนอนนิ่ง ๆ สักพัก อย่ารีบลุกเดิน เสร็จแล้วล้างมือให้สะอาด การใช้ยาถูกวิธี คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการรักษาโรคของท่าน ศึกษาวิธีใช้ยาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกครั้ง โดยท่านสามารถปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรได้